สัญญาณขึ้นตัว E, H, H+, 3G, 4G ต่างกันยังไง? พร้อมวิธีการแก้ไขเบื้องต้น

สัญญาณขึ้นตัว E, H, H+, 3G, 4G ต่างกันยังไง? พร้อมวิธีการแก้ไขเบื้องต้น

จากข้อสงสัยของผู้ใช้งานเครือข่ายหลายๆท่านเกี่ยวกับการแสดงค่าสัญญาณตรงหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ระหว่าง E, H, H+, 3G, 4Gหรือเครือข่างของบางท่านก็จะมีเพิ่มเป็น G และ R ด้วย ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร ทำไมถึงขึ้น หรือการแสดงสัญลักษณ์เหล่านี้จะทำให้ความเร็วของอินเตอร์เน็ตแตกต่างกันมั้ย และจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้อย่างไรในกรณีที่ขึ้นสัญลักษณ์แบบนี้แล้วสัญญาณอินเตอร์เน็ตช้า วันนี้ แอดมินจึงขอรวบรวมข้อสงสัยต่างๆ ไว้ในบทความนี้ เพื่อให้เพื่อนๆทรู ได้หายข้อสงสัยและนำไปใช้งานได้ค่ะ

อันดับแรกที่อยากจะให้ทุกคนรู้คือ E, H, H+, 3G, 4G จะเป็นสัญลักษณ์ของการรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายโทรศัพท์ และแต่ละสัญลักษณ์จะมีความเร็วสูงสุดที่แตกต่างกันอย่างที่ทุกคนเข้าใจค่ะ แต่ความเร็วของแต่ละสัญลักษณ์นั้นจะขึ้นอยู่กับสัญญาณโทรศัพท์ของแต่ละพื้นที่และผู้ให้บริการด้วยค่ะ

G คือ การจับสัญญาณ GSM แบบ GPRS เป็นเทคโนโลยี 2G เป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่ช้าที่สุด ความเร็ว54 kbps.

E คือ การจับสัญญาณ GSM แบบ EDGE เป็นเทคโนโลยี 2G  ที่ขยายGPRS ให้ความเร็วสูงขึ้นได้สูงสุดประมาณ 230 kbps.

3G คือ การจับสัญญาณ 3G ได้แล้วแต่รองรับความเร็วสูงสุดในดาวน์โหลดอยู่ที่ 7.2 Mbps

H  คือ การจับสัญญาณ 3G ในโหมด HSPA (High Speed Packet Access)ซึ่งจะทำให้คุณใช้อินเตอร์เนตได้ที่ความเร็ว 7.2 Mbps, 10.2 Mbps, และ สูงสุด 14.4 Mbps สูงสุด ขึ้นอยู่สเปคของเครื่องว่ารองรับได้สูงสุดเท่าไร

H+ คือ การจับสัญญาณ 3G ในโหมด HSPA+(High Speed Packet AccessPlus)ซึ่งจะทำให้คุณใช้อินเตอร์เนตได้ที่ความเร็วตั้งแต่ 21 Mbps และสูงสุดที่ 42 Mbps ขึ้นอยู่สเปคของเครื่องว่ารองรับได้สูงสุดเท่าไร

4G คือ เทคโนโลยี 4G LTE (Long Term Evolution) จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่รับส่งข้อความด้วยความเร็วสูงถึง 100Mbps.

R คือ Roamingจะแสดงถึงช่วงเวลาที่โทรศัพท์ใช้งานเครือข่ายมือถือที่ผู้ให้บริการไม่ได้เป็นเจ้าของในการรับส่งข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเวลาที่เราอยู่ต่างประเทศ

ทำไมระบบ Android สัญญาณถึงสลับไปมาระหว่าง E, H, H+, 3G หรือ G
ปัญหาสัญญาณโทรศัพท์ของระบบ Android สลับกันไปมาระหว่าง E, H, H+, 3G หรือ G นั้นจะเจอกันทุกค่ายเลยค่ะ เพราะในพื้นที่ที่สัญญาณ 3G อ่อนเกินไป หรือมีการใช้งานหนาแน่นเกินไปจนเครือข่ายรับไม่ไหว เครื่องโทรศัพท์มือถือจะถูกดึงจาก 3G ลงมาใช้เครือข่าย 2G ซึ่งสัญลักษณ์จะเปลี่ยนจาก 3G, H, H+ เป็น E (Edge) หรือบางทีก็เหลือ G เดียว (GPRS) (เครื่อง iPhone จะแสดง GPRS เป็นสัญลักษณ์รูปวงกลม) ซึ่งจะทำให้ความเร็วของอินเตอร์เน็ตต่ำลงอย่างมากจนถึงขั้นเล่นเน็ตแทบไม่ได้ การที่สัญลักษณ์บนมือถือสลับไปมาระหว่าง E, H, H+, 3G หรือ Gแสดงให้เห็นว่าเครือข่าย 3G ไม่ครอบคลุม หรือมีช่องสัญญาณไม่พอ ถ้าเครือข่ายมีความครอบคลุมหนาแน่นเพียงพอแล้ว ผู้ใช้บริการจะต้องจับสัญญาณ 3G ได้ตลอดเวลา โดยไม่สลับไปมาเป็น E หรือ G เลย

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ที่สัญญาณ 3G หนาแน่นอยู่แล้ว หากยังพบว่าสัญลักษณ์บนเครื่องระบบ Androidสลับไปมาระหว่าง 3G, H และ H+ เป็นเพราะว่า ในระบบ Android สัญลักษณ์ H, H+ ก็คือเทคโนโลยี 3G โดยสัญลักษณ์ H หมายถึงเทคโนโลยี 3G ที่พัฒนาขึ้นมาเป็น HSPA และสัญลักษณ์ H+ จะเป็นเทคโนโลยี 3G ที่พัฒนาขึ้นมาอีก คือ HSPA+ โดยเทคโนโลยี HSPA+ จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่ออยู่ใกล้ๆสถานีฐาน หากอยู่ไกลออกไประบบมือถือจะปรับไปเป็น HSPA ธรรมดา และหากอยู่ไกลสถานีฐานมากๆ (สัญญาณอ่อนมากๆ) ระบบมือถือจะปรับไปเป็น WCDMA ความเร็ว 384 kbps. และอีกเหตุผลก็คือ เวลาที่อุปกรณ์ 3G อยู่เฉยๆ นิ่งๆ มันจะอยู่ในสถานะ idle ซึ่งมีการใช้กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่น้อยมาก แต่ถ้าเมื่อไรที่ต้องรับส่งข้อมูล ระบบจะขอช่องสัญญาณและปรับสถานะเป็น active ในสถานะ active เครื่องส่งคลื่นวิทยุจะทำงานและกินกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาก หลังจากรับส่งข้อมูลเสร็จอุปกรณ์ 3G จะรอสักพักเผื่อมีข้อมูลจะต้องรับส่งอีก ถ้าไม่มีข้อมูลจะต้องรับส่งอีกแล้วระบบจะรีบปิดเครื่องส่งวิทยุ และกลับสู่สถานะ idle โดยเร็วเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ทำให้เครื่อง Android แสดงสัญลักษณ์สลับไปมาระหว่าง H กับ 3G ตลอดเวลา เพราะเป็นการเปลี่ยนสถานะระหว่าง idle กับ active นั่นเอง ซึ่งเป็นการทำงานปกติของอุปกรณ์ 3G ไม่ได้มีปัญหาสัญญาณเด้งไปมาแต่อย่างใด

ขั้นตอนและวิธีที่ช่วยให้เล่นอินเทอร์เน็ตได้ดีขึ้น
วิธีที่ 1 : เปิด/ปิด โหมดเครื่องบิน
วิธีที่ 2 : การสลับไปเล่นเน็ตที่สัญญาณ 3G ชั่วคราว
เมื่อเจอปัญหาเล่นอินเทอร์เน็ตแล้วเกิดอาการช้าลง ซึ่งอาจมาจากสัญญาณ4Gในพื้นที่ปัจจุบันของคุณ มีจำนวนผู้ใช้งานสูงจึงทำให้มีความหนาแน่น หรือแม้แต่พื้นที่ ณ ปัจจุบันอาจเป็นจุดอับสัญญาณ หรือมีสิ่งกีดขวางทำให้มือถือไม่สามารถรับสัญญาณได้ดี เช่น ลิฟท์ มุมตึก บริเวณห้องน้ำ เป็นต้น ในแต่ละพื้นที่นั้นก็อาจจะแตกต่างกันไป แต่เรามีวิธีแก้ไขง่ายๆเบื้องต้น สำหรับใครที่เจอปัญหาอินเทอร์เน็ตโหลดช้า อีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้กลับมาใช้เน็ตได้เร็วกว่าเดิม เพียงสลับเปลี่ยนสัญญาณจากเดิมที่อาจจะใช้ 4G เปลี่ยนเป็นสัญญาณ 3G ชั่วคราว เพื่อให้การจราจรของเน็ตทำงานได้เร็วขึ้นโดยมีขั้นตอน ดังนี้
ระบบ Android
1. ไปที่เมนูตั้งค่า(รูปสัญลักษณ์ฟันเฟือง)
2. เลือกเมนู ระบบเครือข่ายไร้สายและเครือข่าย (อาจมีความแตกต่างกันในมือถือแอนดรอย์บางรุ่น แนะนำให้สังเกตคำว่า เครือข่ายมือถือ/สัญญาณเครือข่าย)
3. เลือกเครือข่ายมือถือ
4. สังเกตที่เมนู 4G/3G ให้ทำการปิดใช้งานที่ 4G และเปิดการใช้งานที่เมนู 3G
ระบบ iOS
1. ไปที่ “เมนูการตั้งค่าบนตัวเครื่อง
2. เลือก เซลลูลาร์ คลิกที่ ข้อมูลเซลลูลาร์
3. เลือกที่ เสียงและข้อมูล
5. ให้ทำเครื่องหมายถูกที่หน้า 3G (หรือกลับมาตั้งค่าทำเครื่องหมายถูกที่ 4G ในภายหลัง หากใช้งานแทนชั่วครู่)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

nineteen − four =